ปี 1933    มีวิสุทธิชนบางคนได้ย้ายจากสิเทียวันในมาเลเซียมายัง นาบอน     และ คลองจันดี ในประเทศไทย

ปี 1936    คริสตจักรในนาบอน ได้กลายเป็น คริสตจักรแห่งแรก แห่ง การฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้าในประเทศไทย ในปีเดียวกันนั้นผู้ร่วมงานของ พี่น้องนี คือพี่น้องหลวนเฟยลี่ และ พี่น้องวังเพ่ยเจิน ได้เดินทางมา เยี่ยมคริสตจักรต่างๆ ในประเทศไทย ด้วยกัน เพื่อทำให้ วิสุทธิชน มั่นคงขึ้น และทำให้ การฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้าในประเทศไทย ได้รับการ เพิ่มกำลัง

ปี 1957    วันที่ 10 กรกฎาคม ได้เริ่มก่อตั้ง การประชุม ขึ้นที่ สะพานยาว ซึ่งเป็น จุดเริ่มต้นแห่ง พยานของคริสตจักรในกรุงเทพฯ

ปี 1969    ผู้รับผิดชอบของคริสตจักรในกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบจากผู้ที่มาจาก ฮ่องกง ซึ่งเป็นพวกที่มีความเห็นแตกต่างกัน จึงได้ปฏิเสธ การปฏิบัติแห่งการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น วิสุทธิชน บางคนจึงได้แยกออกไปก่อตั้ง การประชุม ขึ้นมาใหม่ นี่ก็คือ มรสุมแห่งการแตกแยก ครั้งแรกของ คริสตจักรในกรุงเทพฯ

ปี 1972    วันที่ 15 มีนาคม พี่น้องวิทเนส ลี ได้มา กรุงเทพฯ และได้มี การประชุมพิเศษ 3 วัน ที่ สุขุมวิท ซอย 7 ซึ่งเป็น ห้องประชุม ที่เช่ากับผู้อื่น วันที่ 9 พฤษภาคมของปีเดียวกัน พี่น้องวิทเนส ลี ได้ส่ง พี่น้องรัตน์ ชาวสวรรค์ จาก ประเทศไต้หวัน มายัง กรุงเทพฯ เพื่อนำพา คริสตจักร ให้เข้าสู่ สายธารแห่งการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ปี 1974    ได้ซื้อ ห้องประชุม เป็นของตัวเองที่ซอยสุขุมวิท 36

ปี 1984    เนื่องจากพี่น้องวิทเนส ลี ได้กลับจาก อเมริกา มายัง ไต้หวัน ได้นำพาให้มี ภาคปฏิบัติของหนทางใหม่ เพื่อหลุดพ้นจาก รูปแบบของการประชุม ที่สืบทอดกันมาตามประเพณีของ ศาสนาคริสต์ และเพื่อจะมี ภาคปฏิบัติแห่งการดำเนินชีวิตคริสตจักรตามหนทางที่พระเจ้าทรงกำหนด ซึ่งได้ เปิดเผยไว้ในพระคัมภีร์ การปฏิรูป ในครั้งนี้ได้นำไปสู่ การต่อต้านและการแตกแยก ของ ผู้ร่วมงาน และ ผู้อาวุโส บางคน ผู้รับผิดชอบของคริสตจักรในกรุงเทพฯ จึงได้รับผลสะท้อนจากคนเหล่านี้อีกครั้งหนึ่ง

ปี 1994    เดือนกุมภาพันธ์มี วิสุทธิชน 34 ท่านจาก เกาหลีใต้ มาเยี่ยมเยียน ได้นำมาซึ่ง การสามัคคีธรรมที่อุดมสมบูรณ์แห่งพระกาย วันที่ 1–10 พฤษภาคม ในปีเดียวกัน มี วิสุทธิชน 53 ท่าน จากประเทศไทย ได้ไป เยี่ยมเยียน คริสตจักรทั้งหลายในเกาหลีใต้ และ ไต้หวัน จึงทำให้ สายธารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ระหว่าง คริสตจักรในกรุงเทพฯ กับ คริสตจักรทั้งหลาย ได้รับการเพิ่มกำลัง  การประชุมพิเศษทั่วประเทศ ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน โดยปกติแล้วจะจัดขึ้นที่ กรุงเทพฯ แต่ในปีนั้นเนื่องจาก การต่อต้านของผู้รับผิดชอบของคริสตจักรในกรุงเทพฯ ดังนั้น จึงได้เปลี่ยนไปจัดที่ คริสตจักรของพระเจ้าในมาบอำมฤต โดยมี วิสุทธิชนจากไต้หวัน, เกาหลีใต้, ฮ่องกง และมาเลเซีย มาร่วมประชุม ทำให้ได้รับการค้ำชูจาก พระกาย และได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นจาก พระวิญญาณบริสุทธิ์

ปี 1995    ผู้รับผิดชอบของคริสตจักรในกรุงเทพฯ ได้ปฏิเสธ การนำพาของการปฏิบัติแห่งการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ของการเอาหนังเก่ามาฉายใหม่ นั่นก็คือถลำและตกเข้าสู่ ประวัติศาสตร์แห่งการแตกแยก ในปี 1969 เพียงแต่ ผู้รับผิดชอบเหล่านี้เปลี่ยนบทบาทเท่านั้น เดิมทีพวกเขาได้ถูกผู้อื่นขับไล่ออกมา แต่บัดนี้กลับสวมบทบาทของผู้ที่ขับไล่พวกเขาออกมา การแก้ต่างขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งทำให้น่ายำเกรงยิ่งขึ้น! หลังจากการแตกแยกทั้ง 2 ครั้งผ่านไปไม่นาน ผู้รับผิดชอบบางคนก็ได้ตายจากไป สิ่งนี้ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับเราอย่างแท้จริง! การประชุมพิเศษทั่วประเทศในวันที่ 21–23 ตุลาคม ในปีเดียวกัน ได้ขยายเป็น การประชุมพิเศษระดับนานาชาติ โดยการยืนยันของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตจักรต่างๆ ได้มีผลสะท้อนและมาค้ำชูอย่างมากมาย วิสุทธิชนที่มาจากต่างประเทศ มีประมาณ 500 คน ส่วน วิสุทธิชนในประเทศไทย มีประมาณ 700 คน รวมทั้งหมดมีประมาณ 1,200 คน ในครั้งนั้นได้เช่า ห้องประชุมของโรงแรมปริ๋นซ์ พาเลส หัวข้อข่าวสารก็คือ “ความเป็นหนึ่งที่สำคัญ 10 ประการเพื่อ การก่อสร้างพระกายของพระคริสต์” การประชุมพิเศษ ในครั้งนั้นได้ ก่อให้เกิด สายธารแห่งการมอบถวาย เพื่อการ ซื้อห้องประชุมของคริสตจักรในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็น สายธาร ที่ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ รวมทั้งคำสัญญาที่คริสตจักรแต่ละแห่งจะมอบถวายมีประมาณ 27 ล้านบาท บวกกับ การมอบถวายที่มาจากทั่วประเทศไทย อีกประมาณ 10 ล้านบาท รวมทั้งหมดประมาณ 37 ล้านบาท เราทั้งหลายรู้สึกตื่นตระหนกกับ การงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่าเกินกว่าที่เราขอและเราคาดคิดไว้เสียอีก

ปี 1997    วันที่ 5 ธันวาคม ห้องประชุมแห่งใหม่ ได้ เปิดใช้ อย่างเป็นทางการ และ ได้จัดประชุมพิเศษนานาชาติ ครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้มาร่วมประชุมมีประมาณ 1,200 คน สายธารแห่งการมอบถวายก็ยังไม่หยุดยั้ง วิสุทธิชนทั้งหลาย ล้วนได้ชื่นชมกับ ความสวยงาม และ ความสะดวกสบายของ ห้องประชุมแห่งใหม่ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ที่ดิน ด้านหน้าของ ห้องประชุมแหว่งไปส่วนหนึ่ง ก็เหมือนกับหญิงสาวหน้าตาสวยงามแต่ฟันหลอ วิสุทธิชนทั้งหลาย จึงร่วมใจกัน มอบถวาย อย่างรวดเร็ว ในเดือนกุมภาพันธุ์ของปี 1999 ก็ได้ซื้อที่ดินขนาด 60 วา ซึ่งเป็นแปลงที่อยู่ ด้านหน้าของห้องประชุม ทำให้ ที่ดินของห้องประชุม มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีความเป็น ระเบียบเรียบร้อย ทุกๆ ด้านดังทุกวันนี้

ปี 1999    วันที่ 9 สิงหาคม ศูนย์ฝึกอบรมเต็มเวลาในกรุงเทพฯ เพื่อ การงานแห่งกิตติคุณในประเทศไทย ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นกลายเป็น ศูนย์ฝึกอบรมเต็มเวลาแห่งที่ 9 ในการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในรุ่นที่ 1 มีผู้ฝึกฝนทั้งหมด 29 คน ในแต่ละปีก็จะมีผู้ฝึกฝนรุ่นใหม่เข้าสู่การฝึกฝน ซึ่งปัจจุบันเข้าสู่การฝึกฝนในรุ่นที่ 8 แล้ว ซึ่งมีผู้เข้ารับ การฝึกฝนทั้งในประเทศไทย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, จีน, กัมพูชา เป็นต้น เพื่อ การงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าในประเทศต่างทั่วโลก

ปี 2000    เดือนเมษายน ผู้ฝึกฝนในรุ่นที่ 1 ได้แบ่งเป็น 3 หมู่ ออกไปแผ่ขยาย ก่อนอื่นได้แผ่ขยายไปสู่ 3 เมืองใหญ่ คือภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่น และภาคใต้ที่อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา ปัจจุบันคริสตจักรทั้ง 3 แห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว

ปี 2001    คริสตจักรกรุงเทพฯ ได้เพิ่มจำนวนเขตจาก 4 เขตเป็น 10 เขต ในแต่ละเขตมีวิสุทธิชนประมาณ 20 ท่าน และปัจจุบันนี้คริสตจักรในกรุงเทพฯ มีประมาณ 20 หมู่ คริสตจักรได้นำพาวิสุทธิชนโดยได้ เพิ่มกำลังให้กับการปรนนิบัติ ใน การประชุมหมู่ เพื่อให้ วิสุทธิชน มีการใช้งานทุกๆ คน นำเข้าสู่คนใหม่ เกิดผลทุกๆ เดือน ปริมาณและ คุณภาพของคริสตจักร ได้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมีความสมดุล

ปี 2006    ขณะนี้ คริสตจักรในกรุงเทพ มีทั้งหมด 13 เขต เราทั้งหลายมีความมั่นใจว่าการมีชีวิตอยู่ใน วิญญาณที่ผสมผสาน และ การติดสนิทกับพระกายอินทรีย์ แห่งการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นหนทางหนึ่งเดียวที่ทำให้เรามีชัยชนะ ดังนั้น การประชุมพิเศษ ในปีนี้จึงได้ เรียนเชิญ คริสตจักรทั้งหลาย ที่อยู่ในประเทศใกล้เคียงมา ผสมผสาน กับเราทั้งหลาย ขอให้ การดำเนินการแห่งการงานในวันนี้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้ เพิ่มกำลังเจ็ดเท่า เพื่อสำเร็จ แผนการบริหารอันศักดิ์สิทธิ์ที่นิรันดร์ ทำให้เราทั้งหลายล้วน อยู่ในวิญญาณ เพื่อเป็น คนใหม่คนเดียว แห่งจักรวาล และ ผสมผสาน กลายเป็น พระกายอินทรีย์หนึ่งเดียว ซึ่งเป็น เจ้าสาวที่ตกแต่งตัวพร้อมแล้ว เพื่อ ต้อนรับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ผู้เป็นเจ้าบ่าว อาเมน